ค้นหา

auyao

คอนโดติดรถไฟฟ้า คอนโดราคาถูก เช่าคอนโด รีวิวคอนโด บ้านทาวน์เฮ้าส์ แบบบ้าน

คอนโดใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู แผ่วกำลังซื้อลด ราคาสูงเสี่ยงดับ

คอนโดใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู แผ่วกำลังซื้อลด ราคาสูงเสี่ยงดับ

บล็อกคอนโดใกล้รถไฟฟ้า ขอขอบคุณ ภาพจาก terrabkk.com


คอลลิเออร์ส ได้ชี้สัญญาณในตลาดคอนโดมิเดียม ที่ขายใหม่ตามแนวรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่ทำเลแจ้งวัฒนะนั้นเริ่มแผ่วลง เหตุเพราะถูกดูดซับไปก่อนหน้านี้ จำนวนมาก ในราคาขายเกิน 6 หมื่นบาทต่อตร.ม. นั้นเสี่ยงดับ หากการสร้างรถไฟฟ้ายังไม่ชัดเจน คาดว่าในอนาคตจะมีแนวโน้มราคาขยับปรับ เพิ่มขึ้นราว 20% ในด้านศุภาลัย รับปี 58 ที่ยอดขายไม่กระเตื้อง แต่ก็ไม่หวั่นเดินหน้าเปิดโครงการที่ 4 ต่อเนื่องกันอย่างมั่นใจศักยภาพของ พื้นที่นี้


โดย นายสุรเชษฐ กองชีพ หรือรองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล แห่งประเทศไทย จำกัด ก็ได้เปิดเผยถึงทำเลถนนแจ้งวัฒนะที่ในอดีตนั้นไม่ค่อยมีความน่าสนใจมากนัก แต่พอหลังจากศูนย์ราชการกรุงเทพฯ ได้ย้ายมาอยู่ในพื้นที่ ก็จึงเริ่มเห็น ความเปลี่ยนแปลงของตลาดที่อยู่อาศัยด้วย โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมนั้น จากการสำรวจพบว่า ได้มีคอนโดมิเนียมเปิดขายจำนวนมากทีเดียว ในปี 2553 – 2554 รวมกันมากกว่า 4,957 หน่วย โดยให้ผู้ประกอบการคาดหวังว่าจะมีได้กำลังซื้อจากข้าราชการที่ต้องย้ายเข้ามาประจำที่ ศูนย์ราชการแห่งนี้ โดยรวมทั้งคนที่ต้องการซื้อคอนโดฯ ที่เพื่อปล่อยเช่า แต่ก็ไม่ได้รับในการตอบรับจากตลาดเท่าใดนักและส่งผลให้ ตลาดคอนโดมิเนียมบนถนนแจ้งวัฒนะนั้นได้ชะลอตัวลงในปีต่อๆ มานั้นเอง และได้กลับมาคึกคักอีกครั้งในปี 2557 ที่เนื่องจากกระแส โดยโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู แต่ก็พบว่าอัตราการขายของโครงการที่เปิดในปี 2557 เป็นต้นมานั้น มีไม่มากเท่าที่ควรจน ทำให้บางโครงการต้องยกเลิกการขายไปในที่สุดเลย 


และเมื่อแยกพิจารณาตามทำเลที่ผู้ประกอบการได้เข้ามาลงทุนพัฒนาในโครงการในช่วงระหว่างปี 2550-สิงหาคม 2558 ก็พบว่า ช่วงห้าแยกปากเกร็ดได้ทางพิเศษศรีรัช ก็มีคอนโดมิเนียมเปิดขาย ประมาณ 4,337 หน่วย โดยมีอัตราการขายมากกว่าถึง 90% ราคาขาย เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5 หมื่นบาทต่อตร.ม. นั้น และยังพัฒนาโดยผู้ประกอบการรายเล็กเกือบทั้งหมดด้วย ในขณะที่พื้นที่นี้ตั้งแต่ทางพิเศษศรี รัช-แยกหลักสี่ ได้มีคอนโดมิเนียมเปิดขาย ประมาณ 5,618 หน่วย โดยมีอัตราการขายค่อนข้างสูงเช่นกันคือเกือบ 90% เช่นกัน โดยราคาขาย เฉลี่ยจะค่อน ข้างสูงเฉลี่ยที่ประมาณถึง 5.2 หมื่นบาทต่อตร.ม. เลยทีเดียว และในพื้นที่นี้ก็ยังมีทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่และผู้ประกอบการรายเล็ก โดยผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ได้เข้ามาในพื้นที่นั้นส่วนใหญ่มาในปี 2557 พร้อมกับได้ตั้งราคามากกว่าโครงการอื่นๆ แต่ทำให้ไม่ประสบ ความสำเร็จเท่าที่ควรนัก 


นายสุรเชษฐ ยังได้กล่าวต่อว่า สำหรับราคาขายของคอนโดมิเนียมที่ได้เปิดขายในช่วงระหว่างปี 2555 – 2556 จะอยู่ที่ประมาณ 5 หมื่นบาทต่อตร.ม. แต่ก็ว่าราคาขายของคอนโดมิเนียมที่เปิดขายในช่วงปี 2557-ครึ่งแรกปี 2558 จะอยู่ที่ประมาณ 6.3 หมื่นบาทต่อตร. ม. โดยปรับเพิ่มขึ้นกว่า 26% และยังคงมีแนวโน้มที่จะได้ปรับเพิ่มขึ้นไปอีกมากกว่า 20% ในอนาคตนี้ โดยเฉพาะโครงการที่เพิ่งเปิดขายใหม่หลังจากปี 2558 เพราะว่าได้มีรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีชมพูที่ได้เริ่มมีความชัดเจนมาเป็นปัจจัยสนับสนุนในตอนนี้ และขณะที่ราคาที่ดินใน ปัจจุบัน หากติดถนนแจ้งวัฒนะก็จะมีราคาเริ่มต้นประมาณ 2 แสนบาทต่อตร.ว. โดยเพิ่มขึ้นจากช่วง 3 ปีก่อนหน้านี้ประมาณ 2 เท่าเลย 


หากว่าโครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีชมพูยังมีความชัดเจนมากขึ้นกว่านี้ จะทำให้ถนนแจ้งวัฒนะนั้นมีความน่าสนใจ และได้มีโครงการที่อยู่อาศัยที่เปิดขายมากขึ้นอย่างแน่นอนในตอนนั้น แต่ตลาดคอนโดมิเนียมก็อาจจะไม่คึกคักเท่าที่ควรเป็น โดยเฉพาะโครงการที่เปิดและขายในราคาที่สูงกว่าราคาเฉลี่ยในตลาดไว้นอกจากนี้โครงการใหม่ๆ ที่ได้จะเปิดขายต้องแข่งขันกับโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่เข้าอยู่แล้วอีกหลายโครงการอีกแต่มีราคาขายต่ำกว่ามากอีกด้วย 


และ นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม หรือกรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ก็ได้กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมี ได้มีโครงการบนถนนแจ้งวัฒนะ แล้ว 3 โครงการ ได้แก่ ศุภาลัย ลอฟท์ แจ้งวัฒนะ และยอดขายมากกว่า 95% ศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท แจ้ง วัฒนะ มียอดขายปัจจุบัน 50% และสุดท้ายโครงการศุภาลัย วิสต้า ห้าแยกปากเกร็ด ก็มียอดขายแล้ว 70% โดยคิดเป็นส่วนแบ่งตลาดในแนว รถไฟฟ้าสายสีชมพูก็มากกว่า 10% 


ตอนนี้ต้องยอมรับว่านับตั้งแต่ปลายปี 2557 ต่อเนื่องถึงจนปัจจุบัน ยอดขายในโครงการคอนโดใกล้รถไฟฟ้าในพื้นที่แจ้งวัฒนะได้ชะลอตัวลง โดยเฉพาะ โครงการศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท ที่แจ้งวัฒนะ มูลค่าโครงการกว่า 2 พันล้าน บาท แต่กลับมียอดขายเพียง 50% แต่ถ้าพิจารณาแล้ว ในโครงการนี้ก็เป็นโครงการต่อยอดจากโครงการลอฟท์ แจ้งวัฒนะ เพราะมีระยะห่างกันไม่มากเพียง 500 เมตร เท่านนั้น เฉลี่ยยอดขายทั้ง 2 โครงการจะอยู่ที่ 75% ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเลย ขณะที่ดีเวลอปเปอร์ของบางรายต้องพับโครงการลงอีก เนื่องจากจะตั้งราคาขายสูงเกินไปคือ และอยู่ที่ประมาณ 8-9 หมื่นบาทต่อตร.ม. แต่ในของเราเฉลี่ยราคาขายอยู่ที่ 6 หมื่นบาทต่อตร.ม.เท่านั้นเอง 


ในล่าสุด บริษัทก็ได้เปิดตัวโครงการ ศุภาลัย ลอฟท์ ที่สถานีแคราย โดยมูลค่าโครงการประมาณ 1.1 พันล้านบาท โดยยังถือเป็นอีก 1 โครงการคอนโดใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู(แคราย-มีนบุรี) แต่ก็เป็นโครงการที่ตั้งอยู่บนถนนติวานนท์ด้วย โดยได้เชื่อว่าโครงการ รถไฟฟ้าสายสีชมพู ก็จะเป็นระบบคมนาคมที่เอื้อประโยชน์ให้ต่อการเดินทางของผู้พักอาศัยในย่านแคราย ปากเกร็ด และมีนบุรีอีก ในการเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองให้ได้อย่างสะดวกรวดเร็วขึ้นด้วย คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จก็ประมาณต้นปี2563 นี้ 


โดยคอนโดราคาถูกที่กำลังจะในปีหน้านี้เพราะ คอนโดแถวนั้มีราคาที่ค่อนข้าจะสูง ถ้ามีโครการคอนโดราคาถูก็จะช้วนให้ขายออกได้แน่นอนค่ะ


บล็อก รีวิว คอนโดใกล้รถไฟฟ้า ขอขอบคุณ ที่มาจาก ฐานเศรษฐกิจ

โครงการบ้านต่างๆ ทาวน์โฮม และคอนโดมิเดียม กำลังจะบูมใน กรุงเทพฯ ตอนเหนือ

โครงการบ้านต่างๆ ทาวน์โฮม และคอนโดติดรถไฟฟ้า กำลังจะบูมใน กรุงเทพฯ ตอนเหนือ

ล็อกรีวิว คอนโดติดรถไฟฟ้า ขอขอบคุณภาพจาก thaibigplaza.com/



นายสุรเชษฐ กองชีพ หรือรองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล แห่งประเทศไทย จำกัด ได้เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในปัจจุบันพื้นที่กรุงเทพฯ ในตอนเหนือและจังหวัดปทุมธานีนั้น หรือบริเวณคลอง 1-6 ได้มีโครงการที่อยู่อาศัยที่เปิดขาย อยู่ทั้งหมดถึง 67 โครงการ แยกได้เป็นโครงการบ้านจัดสรร 55 โครงการ หรือจำนวน 12,437 หน่วย และเป็นบ้านเดี่ยวมากที่สุดจำนวนมากถึง 5,028 หน่วย โดยคิดเป็น 81% ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวที่ขายในระดับราคามากกว่า 3 ล้านบาทขึ้นไปอีก ทาวน์โฮมที่ได้มีจำนวนมากที่สุด คือ ราคา ที่ขายต่ำกว่า 2 ล้านบาทลงมานั้น มีสูงถึง 83% จากจำนวนของทาวน์โฮมที่เปิดขายอยู่ในปัจจุบันอยู่ 4,520 หน่วย ขณะที่อัตราการขาย นั้้นก็สูงโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 66% 


ส่วนของในโครงการคอนโดมิเนียมนั้น ก็ยังพบอีกว่ามีโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายอยู่ทั้งหมด 12 โครงการ และจำนวนรวมทั้งหมด 18,671 หน่วย และยังเป็นคอนโดมิเนียมที่มีราคาขายต่ำกว่า 1 ล้านบาท มากถึง 86% เลย เพราะมีโครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ ที่ได้มีจำนวนหน่วยมากกว่า 1 หมื่นหน่วยอยู่ โดยเปิดขายในบริเวณนี้ด้วย แต่สำหรับบ้านเดี่ยวในบริเวณนี้ก็ได้รับความนิยมค่อนข้างมากเลย เพราะมี อัตราการขายประมาณ 64% โดยเฉพาะในโครงการที่มีราคาขายเกินกว่า 2 ล้านบาทขึ้นไปด้วย โดยมีหน่วยที่ขายไปแล้วมากกว่า 3.2 พัน หน่วยทีเดียว อันดับรองลงไปคือก็คือทาวน์โฮมที่มีอัตราการขายอยู่ที่ประมาณ 62% คอนโดมิเนียมนั้นกลับมีอัตราการขายที่ค่อนข้างต่ำคืออยู๋ที่ประมาณ 40% เพราะในโครงการขนาดใหญ่จะต้องใช้เวลาในการขายมากทีเดียว


โดยได้สอดคล้องกับ นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา หรือกรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) ที่ได้กล่าวถึงศักยภาพ ในพื้นที่กรุงเทพฯตอนเหนือและจังหวัดปทุมธานีไว้ว่า เป็นพื้นที่ที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก เนื่องจากในภาครัฐและในภาคเอกชน ได้มีแผนการลงทุนที่ชัดเจนมาก โดยในภาครัฐจะมีการลงทุนพัฒนาคือโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เช่น ในการพัฒนาระบบราง ไม่ว่าจะเป็นการ ในการพัฒนาระบบรถไฟรางคู่ หรือรถไฟความเร็วปานกลางและรถไฟความเร็วสูง ที่การก่อ สร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง หรือบางซื่อ รังสิต และสายสีแดงในส่วนต่อขยายรังสิตธรรมศาสตร์ โดยโครงการรถโดยสารปรับอากาศพิเศษ (บีอาร์ที) โซนรังสิตอีกด้วย จึงทำให้โครงการคอนโดในบริเวณนี้ ในอนาคตจะเป็ คอนโดติดรถไฟฟ้านั้นเอง 


โครงการมอเตอร์เวย์ ในบางปะอินโคราช จะช่วยลดระยะเวลาในการเดินทางสู่ในส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้เป็นอย่างดีแน่นอน โดยโครงการปรับปรุงและขยายสนามบินดอนเมืองนั้น ที่คาดว่าจะสามารถเปิดให้เราได้ใช้บริการได้ในปลายปี 2558 หรือต้นปี 2559 ซึ่งก็จะเป็น ศูนย์กลางของการเดินทางด้วยสายการบินโลว์คอสต์ที่ดี ที่ในปัจจุบันได้มีผู้โดยสารใช้บริการจำนวนมาก ขณะที่ในภาคเอกชนเองก็มี แผนที่ลงทุนพัฒนาโครงการก่อสร้างศูนย์การค้าแห่งใหม่ขึ้นอีก ได้แก่ เซ็นทรัลเอ็ม เมกา รังสิต และฟิวเจอร์ซิตี้ เป็นต้น 


ในปัจจุบันบริษัทมีโครงการบ้านในโซนรังสิต-นครนายก 2 โครงการ นั้น ได้แก่ โครงการสัมมากรรังสิต ที่คลอง 2 เหลือเพียง กว่า 20 หน่วยเท่านั้น ราคาขายหน่วยละ 4-5 ล้านบาททีเดียว โดยรวมมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท ที่มีจุดเด่นอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวก ที่ติดถนนใหญ่ ใกล้สาธารณูปโภคต่างๆ และศูนย์การค้าเพียวเพลส และ โครงการสัมมากร รังสิต ที่คลอง 7 จำนวน 400 หน่วย ที่ระดับราคาเฉลี่ย 5 ล้านบาท โดยมูลค่าประมาณ 2.1 พันล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการนี้จะช่วยสร้างรายได้ให้กับบริษัทอย่างมากค่ะ ด้าน นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ หรือกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลล อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN ได้กล่าวว่า ปัจจุบันนี้บริษัทมียอดขายจากโครงการลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1 เฟส 1 ที่ได้ก่อสร้างแล้วเสร็จและจะโอนช่วงปลายปี 2558 จำนวนกว่า 3 พันหน่วย มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาทเลย และจะเปิดขายเฟส2 นี้อย่างเป็นทางการช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ซึ่งในปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 1 พันหน่วยแล้ว ขณะที่การก่อสร้างเฟส 2 นี้ได้มีความคืบหน้าอย่างมาก โดยมีอาคารก่อสร้างแล้วเสร็จจำนวน 10 อาคาร จากทั้งหมด 18 อาคาร ที่เหลือ 8 อาคารจะอยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยในส่วนของเฟส 2 นี้ ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและคาดว่าจะส่งมอบได้ในไตรมาส 1 ปี 2559 นี้


ราคาขายที่เริ่มต้นอยู่ที่ 5.65 แสนบาทต่อหน่วย โดยถือเป็นคอนโดมิเนียมที่มีราคาต่ำที่สุดในกรุงเทพฯ ขณะที่โครงการ ลุมพินี ทาวน์ชิป นั้นโดดเด่นในแง่ชุมชนเมืองน่าอยู่ และสิ่งอำนวยความสะดวกครแล้วบ และคอมมิวนิตี มอลล์ ‘Market Place’ ในด้านหน้า โครงการภายใต้การบริหารงานจากผู้ชำนาญการคือ บริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (SF)อีกด้วย



บล็อก รีวิว คอนโดติดรถไฟฟ้า ขอขอบคุณเนื้อหาบางส่วนจาก ฐานเศรษฐกิจ

การลงทุนกับคอนโดไฮเอนด์ ที่เยี่ยมกว่าคอนโดใกล้รถไฟฟ้า ยังไปต่อได้ไหม

การลงทุนกับคอนโดไฮเอนด์ ที่เยี่ยมกว่าคอนโดใกล้รถไฟฟ้า ยังไปต่อได้ไหม

บล็อกริวิว คอนโดใกล้รถไฟฟ้า ขอขอบคุณภาพจาก thinkofliving.com



แม้ว่าเราจะเห็นชัดๆ แล้วว่าอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ตลาดที่ยังพอไปได้ก็คือสินค้าที่อยู่อาศัยระดับกลางจนถึงบนขึ้นไป  โดยเฉพาะในเรื่องคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ซึ่งจะชัดเจนที่สุด เพราะในหลายโครงการในย่าน CBD นั้น ที่ได้เปิดตัวออกมาส่วนใหญ่แล้วล้วนขายดี และในบางโครงการถึงขั้นแย่งกันซื้อเลยก็มีค่ะ


แต่อย่างไรก็ตามในโครงการระดับนี้และขายดีในแบบนี้แน่นอนว่าย่อมมีกลุ่มนักลงทุนรวมอยู่ด้วยเช่นกัน ซึ่งตัวเลขจากบริษัทตัวแทนอสังหาฯนั้น ระบุไว้ว่ามีนักลงทุนไม่ต่ำกว่า 30-40% แต่ในท่ามกลางเศรษฐกิจแบบนี้แล้ว ความต้องการในตลาดก็คงลดลงเช่นกัน แบบนี้จึงได้เป็นคำถามที่น่าสนใจว่าหากใครสักคนที่ได้มีเงินแล้วคิดจะหาช่องทางทำกำไรแล้ว ด้วยการซื้อลงทุนคอนโดมิเดียม ในตอนนี้จะยังมีโอกาสหรือไม่ ในคอนโดใกล้รถไฟฟ้า หรือการปล่อยเช่าคอนโด หรือแม้แต่การเลือกซื้อคอนโดไฮเอนด์


ซัพพลาย และ ดีมานด์

นิยามของคอนโดฯ ไฮเอนด์แบบคร่าวๆ ก็คือวัดกันที่ราคาต่อตารางเมตรเลย ซึ่งก็จะมีหลายระดับเริ่มตั้งแต่ 120,000 บาท/ตร.ม. หรือบางราคาต่อยูนิตประมาณ 5 ล้านบาทขึ้นไป ที่เรียกว่า “ไฮเอนด์” และสูงขึ้นไปกว่านี้เรียก “ลักซูรี่” คือราคาที่ต่อตารางเมตรตั้งแต่ 200,000 บาทขึ้นไป หรืออยู่ที่ยูนิตละ 10 ล้านบาทขึ้นไป และก่อนจะไปสิ้นสุดที่ “ซูเปอร์ลักซูรี่” โดยที่ราคาต่อตารางเมตรเริ่มต้นที่ 300,000 บาทหรือยูนิตละประมาณ 20 ล้านบาทขึ้นไป แต่อย่างไรก็ตามในอนาคตอันใกล้นี้อาจจะมีคอนโดฯ ที่ราคาต่อตารางเมตรสูงกว่านี้ก็ได้ แบบนี้น่าจะเรียกเป็น “อัลติเมท”เลยก็ว่าได้


โดยปกติแล้วคอนโดฯ กลุ่มนี้ทำเลจะจำกัดอยู่ในเฉพาะในย่านใจกลางเมืองหรือในเขต CBD เช่น พวกสีลม สาทร เพลินจิต ชิดลม และรวมถึงสุขุมวิทตอนต้นและทำเลพิเศษๆ เช่น บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งในหลายปีก่อนจำนวนโครงการเปิดใหม่แค่ละปี 4,000-5,000 ยูนิต แต่ใน 2-3 ปีมานี้ได้มีซัพพลายคอนโดฯ ไฮเอนด์เพิ่มขึ้นมากทีเดียว แต่ถ้าคอนโดมิเดียมที่ต่ำกว่ามาหน่อยก็จะเป็จำพวกคอนโดใกล้รถไฟฟ้าที่มีทำเลดีแต่ไม่ได้เพื่อการอยู่อาศัยโดยแท้จริง เพราะจะมีวิวทิวทัศที่แย่กว่า และยังมีการปล่อยให้เช่าคอนโดด้วยซึ่งจะทำให้มีการแข่งขันทางด้านราคากันจำนวนมากทำให้ราคาต่ำลง 


ตัวเลขจากแผนกวิจัย CBRE ได้ระบุว่า ในปีที่ผ่านมา 2557 นี้ได้มีคอนโดฯ เปิดใหม่เฉพาะย่านใจกลางกรุงเทพฯ รวมรวมกันทั้งสิ้น 20 โครงการหรือประมาณ 7,255 ยูนิต และในขณะที่ปี 2558 เพียงครึ่งปีแรกได้เปิดไปแล้วถึง 16 โครงการ หรือประมาณ 5,304 ยูนิต ดังนั้นหากเรานับรวมโครงการที่จะเปิดตัวครึ่งปีหลังซึ่งเป็นไปได้ว่าจะมีมากกว่าครึ่งปีแรกแน่นอน จำนวนคอนโดฯ ไฮเอนด์เปิดใหม่ในปีนี้อาจถึง 10,000 ยูนิตเลยก็ได้ ในขณะที่อัตราการขายโดยเฉลี่ยอยู่เพียง 50-60% หรือความต้องการในแต่ละปีนั้นมีเพียง 4,000-5,000 ยูนิตเท่านั้นเอง จึงเป็นประเด็นน่าคิดแล้วว่าท่ามกลางจำนวนคอนโดฯ ที่เกิดใหม่ที่เปิดตัวใหม่ออกมามากมายนั้น หากเราเป็นหนึ่งในนักลงทุนที่คิดจะแสวงหาผลกำไรจากการขายต่อหรือการปล่อยเช่าคอนโดจะต้องทำอย่างไร


ผลตอบแทนในการปล่อยเช่าคอนโด/ขายดาวน์คอนโด

แม้ว่าในตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้อัตราค่าเช่าคอนโดฯ ไฮเอนด์นั้นไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนักก็ตาม เมื่อเทียบกับราคาขายคอนโดฯนั้น ได้เปิดใหม่ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจแล้ว แต่จากข้อมูลของคอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนลแล้ว คือบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของเรา พบว่าอัตราผลตอบแทนจากการที่ปล่อยเช่าคอนโดฯ ไฮเอนด์ในระดับราคาที่ตั้งแต่ 200,000 บาท/ตร.ม.ขึ้นไปนั้น ยังให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจอยู่ คือเฉลี่ยตั้งแต่ที่ 3-7% ต่อปี แตกต่างกันในแต่ละทำเลเลย โดยทำเลที่ให้ผลตอบแทนจากอัตราค่าเช่าที่สูงที่สุดคือซอยสุขุมวิท 23-49 ค่ะ


ในขณะที่อัตรากำไรจากการขายต่อยูนิตที่สร้างเสร็จแล้ว (Resale) ตัวเลขของ CBRE ณ ไตรมาส 2 ปีนี้เฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 7.6% โดยทำเลที่การขายต่อมีส่วนต่างกำไรเฉลี่ยมากที่สุดคือทำเลรอบๆ สวนลุมพินี 


ผู้ที่จะลงทุนคอนโดฯ ไฮเอนด์เพื่อที่จะหวังปล่อยเช่าคอนโด หรือขายคอนโด เพื่อหวังกำไรนั้นก็ควรเลือกโครงการให้มีดีๆ ดูมีเอกลักษณ์ เพราะคนที่รวยส่วนใหญ่ไม่ได้หวังจะซื้อคอนโดเพื่อสนองต่ออารมณ์แต่ยังหวังจะทำกำไรต่อจากคอนโดที่ซื้อมาได้ด้วย  โดยเฉพาะการลงทุนเพื่อที่เตรียมขายต่อให้กับคนมีเงินหรือเศรษฐีนั้น เพราะผู้ซื้อกลุ่มนี้หากเจอโปรดักต์ที่ใช่ที่ต้องการในทำเลที่หาไม่ได้อีกแล้วและยังตอบโจทย์การใช้ชีวิตของเขาอีกด้วย โอกาสในการที่นักลงทุนนั้นจะขายต่อและบวกกำไรได้ก็มีอีกเยอะมาก แต่ที่สำคัญผู้ลงทุนควรมีเงินเย็นเป็นจำนวนมากๆ เพื่อจะได้ไม่ต้องรีบขายคอนโดที่มีทีท่าว่าจะทำกำไรต่อในอนาคตนี้ได้จำนวนมาก


คำที่ใช้นิยามคอนโดฯ ระดับบน


ไฮเอนด์ ราคา 120,000-199,999 บาท/ตร.ม.ขึ้นไป และมีราคาประมาณ 5 ล้านบาท/ยูนิตขึ้นไป

ลักซูรี่ ราคา 200,000-299,999 บาท/ตร.ม.ขึ้นไป และมีราคาประมาณ 10 ล้านบาท/ยูนิตขึ้นไป

ซูเปอร์ลักซูรี่ราคา  300,000 บาท/ตร.ม.ขึ้นไป และมีราคาประมาณ 20 ล้านบาท/ยูนิตขึ้นไป



บล็อก รีวิวคอนโดใกล้รถไฟฟ้า ขอขอบคุณ ที่มา คำนิยาม : CBRE

รัฐปรับค่าโอนลง 1% เพื่อฟื้นเศรษฐกิจคอนโดติดรถไฟฟ้า

รัฐปรับค่าโอนลง 1% เพื่อฟื้นเศรษฐกิจคอนโดติดรถไฟฟ้า

บล็อก รีวิว คอนโดติดรถไฟฟ้า ขอขอบคุณภาพจาก mut.ac.th


มาตรการในการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์นั้นได้เริ่มเดินหน้าอย่างเต็มสูบแล้ว หลังจากที่กรมที่ดินประกาศให้ลดค่าธรรมเนียมการโอนและจด จำนองซึ่งจะเป็นมาตรการสำคัญไปเมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมานี้ เสริมสร้างบรรยากาศการซื้อขายบ้านและคอนโดในช่วง 2 เดือนสุดท้ายซึ่ง เป็นไฮซีซั่นในของตลาดให้คึกคักมากยิ่งขึ้นค่ะ อย่างไรก็ตามแต่ มาตรการกระตุ้นนี้อาจจะไม่ใช่ยาวิเศษที่จะช่วยให้การตลาดพลิกฟื้นมาได้ ทันตาเห็น แต่อาจจะเป็นเพียงยาระบายในการลดสต๊อกบ้านที่มีอยู่ให้ไหลลื่นได้รวดเร็วขึ้นเท่านั้นเองค่ะ 


อิสระ บุญยัง กรรมในการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ และนายกกิตติมศักดิ์ผู้เป็นสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ได้ประเมินว่า บรรยากาศในการซื้อขายบ้านนั้นเริ่มคึกคักขึ้นหลังจากภาครัฐได้ใช้มาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ได้ในแง่ของยอดคนเข้าชมต่างๆ และโครงการและยอดโอน แต่ก็ยังเชื่อว่าการตลาดโดยรวมในปีนี้ทั้งปียังคงจะชะลอตัวลง ทั้งตัวเลขเปิดโครงการใหม่ที่ได้คาดว่าน่าจะติดลบ ประมาณถึง 10% ตัวเลขยอดขายที่ยังติดลบอีก 5-10% เพราะในตัวเลขเปิดโครงการก็ลดลง มีแค่ตัวเลขโอนที่จำนวนหน่วยนั้นเพิ่มขึ้น 7% แต่มูลค่าก็คาดว่าจะลดลงเช่นกัน 


เนื่องจากในมาตรการกระตุ้นนี้มีผลกับตลาดในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีทีผ่านมา และยังเป็นมาตรการที่ได้จำกัดเพดานราคาบ้านไว้และรายได้ของผู้ซื้อ ทั้งนี้เรื่องของมาตรการสินเชื่อ และมาตรการลดภาษีนั้น ในขณะที่เรื่องการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองนั้นมีเวลาจำกัดแค่ 6 เดือนเท่านั้น โอกาสที่ตลาดจะพลิกกลับนั้นก็คงยากไปอีก แต่ก็จะช่วยผลักดันสต๊อกที่มีอยู่ในมือผู้ที่ประกอบการได้มากขึ้นทั้งใน 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ และยังอีก 4 เดือนแรกของปีหน้าด้วย 


ในไตรมาสแรกของปีหน้านี้จะมียอดโอนบ้านสูงที่สุดในรอบปีเลย ซึ่งเป็นผลใสจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่ประกอบกับผู้ประกอบการได้จัดเร่งอัดแคมเปญกระตุ้นไปพร้อมๆกันด้วย กับมาตรการ โดยจะนำเงินที่ได้จากการลดค่าธรรมเนียมการโอนในฝั่งผู้ประกอบการมา 1% มาใช้ร่วมกับงบในการตลาดของแต่ละบริษัทด้วย เพื่อเร่งระบายสต๊อกอสังหาที่มีอยู่ออกให้เร็วที่สุด 


และในขณะเดียวกัน ในหลายบริษัทก็ได้มีการปรับแผนการก่อสร้างใหม่ใหม่ทั้งคอนโดติดรถไฟฟ้าและขายคอนโดราคาถูก โดยเพิ่มจำนวนบ้านสร้างเสร็จต่อเดือนให้มากขึ้นอีก อิสระ ประเมินว่าใน ปีหน้านี้แต่ละบริษัทจะมีการวางแผนเป็น 2 ระดับ นั้นก็คือคือ แผนที่รองรับกับมาตรการในช่วง 4 เดือนแรกในของปี 2559 โดยส่วนใหญ่ก็จะเป็น การเร่งปรับแผนก่อสร้างขึ้น เร่งอัดแคมเปญในการตลาด เพื่อจะระบายสต๊อกเก่าๆออก ส่วนอีกแผนก็คือแผนลงทุนใหม่ตลอดทั้งปี ซึ่งก็จะไม่เกี่ยวโยงกับมาตรการกระตุ้นด้วย โดยเชื่อว่าผู้ประกอบการก็จะยังคงระมัดระวังในการลงทุนใหม่เรื่องบ้านจัดสรร และคอนโดติดรถไฟฟ้า หรือคอนโดใหม่ๆ และไม่ ผลักซัพพลายใหม่ๆ ออกมานัก 


อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้สิ้นสุดมาตการไปแล้ว ตลาดก็จะซบเซาลงอย่างชัดเจนแน่นอน ผู้ประกอบการในอสังหาริมทรัพย์ก็จะต้อง เตรียม แผนที่จะรับมือให้ได้ทันทางที รวมถึงบริษัทต่างๆก็ เตรียมแผนไว้รับมือแล้วเช่นกัน ทั้งการเตรียมออกแคมเปญในเรื่องบ้านจัดสรรใหม่ๆ หรือคอนโดติดรถไฟฟ้า หรือคอนโดอื่นๆใหม่ๆ ที่ทำให้ลูกค้าที่ซื้อบ้านและขายคอนโดราคาถูกในปีหน้าก็จะได้รับมาตรการที่พิเศษเหมือนกับมาตรการของภาครัฐเช่นกัน 


โดยทั้งนี้ ข้อกังวลที่ว่าในกำลังซื้อของผู้บริโภคนั้นจะแผ่วลงหลังจากหมดมาตรในการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์นั้น ก็ไปสอดคล้องกับข้อ วิเคราะห์ของคุณ เบญจรงค์ สุวรรณคีรี จากศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ TMB ของธนาคารทหารไทย ที่ได้ให้ข้อควรระวังไว้ว่า ในการใช้มาตรการกระตุ้นการบริโภคที่จะทำเกิดการก่อหนี้ครัวเรือนนั้น อาจจะดีแค่ในช่วงสั้นๆเท่านั้น แต่หลังจากหมดมาตรและ การกำลังซื้อจะได้หายลงไปในตลาดด้วยเช่นกัน และต้องใช้เวลาเพื่อฟื้นตัวนาน


อย่างไรก็ตามแต่ คุณ อิสระ ก็มองว่าปัญหาดังกล่าวอาจจะได้เคยเกิดกับตลาดรถยนต์ที่ได้มรมาตรการรถคันแรกที่สามารถกระตุ้นบริโภคได้เป็นอย่างดี ที่ไม่ได้วางแผนซื้อรถให้ตัดสินใจซื้อได้ในทันที แต่ผู้บริโภคที่จะซื้อบ้านส่วนใหญ่จะต้องวางแผนมาก่อนแล้วล่วงหน้าทั้งนั้น และมาตรการ ที่จะออกมาอาจจะช่วยกระตุ้นตลาดได้อีกแค่ 10% เท่านั้น นอกจากนี้ จาก การเก็บข้อมูลทั่วไปพบว่า หลังการใช้มาตรในการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์นั้น ตลาดยังไม่เคยทรุดตัวลงเลย ยกเว้นปี 2554 ที่เนื่องจากประสบ ปัญหาอุทกภัย เท่านั้น


ในข้อกังวลดังกล่าวคงจะต้องไปทำการพิสูจน์กันอีกครั้งหลังจบมาตรการนี้ แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่ๆ นับจากนี้ไป นับไปจนถึงปีหน้านี้ ก็คือ การถล่มแคมเปญในการตลาดเพื่อระบายยอดขายเท่านั้น เพราะอย่าลืมว่าผู้ประกอบนั้นกาจะรมีงบเพิ่มอีก 1% จากการที่ค่าโอนที่รัฐบาลออกให้ โดยใครคิดเก็บไว้เป็นกำไรคงต้องตกขบวนแน่นอนค่ะ 



บล็อก รีวิว คอนโดติดรถไฟฟ้า ขอขอบคุณเนื้อหาบางส่วนจาก โพสต์ทูเดย์

ไอคอนสยาม ปล่อยโครงการคอนโดหรู สุดแพง เริ่มต้นที่ 35 ล้านบาท

ไอคอนสยาม ปล่อยโครงการคอนโดหรู สุดแพง เริ่มต้นที่ 35 ล้านบาท คอนโดติดรถไฟฟ้าชิดซ้ายไปเลย

ขอบคุณภาพจาก ptcdn.info/



“ไอคอนสยาม” ได้ประกาศเปิดขายคอนโดสุดหรู “เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียลเต็ล กรุงเทพฯ” บริเวณริมแม่น้ำ เจ้าพระยา มูลค่ากว่า 9 พันล้าน โดยทุบสถิติราคาคอนโดที่แพงสุด 3.5 แสนต่อตร.ม. ของ “เพนท์เฮาส์” ทีมีขนาด 380 ตร.ม. ราคา 209 ล้าน และพร้อมผนึกยักษ์อสังหาฯจีน ในกลุ่มควีนแลนด์ ที่ผุดโครงการมิกซ์ยูส ที่พัทยา มูลค่ากว่า 3 หมื่นล้าน คาดว่าเปิดตัวโครงการต้นปีหน้านี้ 


โครงการไอคอนสยามนี้ นับเป็นโครงการแห่งศูนย์การค้าคอนโดหรู บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา บนพื้นที่กว่า 50 ไร่ ในย่านเจริญนคร ที่ได้มีมูลค่าการลงทุนสูงมากถึง 5 หมื่นล้านบาทเลยทีเดียว โดยยังเป็นความร่วมมือทางธุรกิจ ระหว่าง 3 ยักษ์ใหญ่ธุรกิจของในไทย ได้แก่ กลุ่ม สยามพิวรรธน์ รวมถึงแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น และรวมถึงเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ด้วย โดยในการกำหนดเปิดบริการปี 2560 แลนด์มาร์ค ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทำการผลักดันให้กรุงเทพ เป็นจุดหมายที่น่ามาเยี่ยมเยือนแห่งหนึ่งของโลกเลย 


ยังมีการคาดกันอีกว่าว่าระหว่างปี 2555-2563 จะได้มีโครงการค้าปลีก ของอสังหาริมทรัพย์ โรงแรมต่างๆ ได้เกิดขึ้นริมแม่น้ำ เจ้าพระยา ไม่น้อยกว่า 30 แห่งแน่นอน รวมมูลค่ากว่าคงกว่า 1.12 แสนล้านบาทเลยทีเดียว 


ในล่าสุด นางสาวทิพาภรณ์ เจียรวนนท์ ผู้เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของบริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้ให้ข้อมูลในฐานะกรรมการและประธานบริหาร บริษัทใหม่คือ ดิ ไอคอนสยาม ซูเปอร์ลักซ์ เรสซิเดนซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้พร้อมจะเปิดขายโครงการ เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียลเต็ล กรุงเทพ แล้ว ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียม ที่มีระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ บริเณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา บริหารโดยเชน แมนดาริน โอเรียลเต็ล เป็นแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลย ซึ่ง ได้เพิ่มจำนวนเงินลงทุนเป็น 9,000 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นอีก 2,000 ล้านบาท 


ซึ่งโดยได้ประกาศเปิดตัวพร้อมกันกับ อีก 2 เมือง คือ ในฮ่องกง และลอนดอน ซึ่งจะถือเป็นเมืองแหล่งที่พักอาศัยระดับสุดหรูหราของโลก ที่กำหนดเปิดขายในวันที่ 29 ต.ค.2558 นี้ 


โดยโครงการคอนโดมิเนียมสุดหรู เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียลเต็ล กรุงเทพ นี้ มีลักษณะเป็นอาคารสูง 52 ชั้น จำนวน 146 ยูนิต และตัวอาคารตั้งอยู่บนพื้นที่โครงการไอคอนสยาม โดยในพื้นที่ของโครงการไอคอนสยาม จะประกอบด้วย โครงการที่พักอาศัยสุดหรูอีกหนึ่งโครงการ นั้นก็คือ แมกโนเลีย วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนซ์ ที่สูง 70 ชั้น 


สำหรับขนาดของห้องพักอาศัยนั้นเริ่ม ตั้งแต่ 130-230 ตารางเมตร และราคาขายเริ่มต้นที่ 3.5 แสนบาทต่อตารางเมตรหรือราคาอยู่ 45.5 ล้านบาท ต่อยูนิต ซึ่งก็นับว่าเป็นราคาขายคอนโดมิเนียมที่สูงที่สุดในกรุงเทพขณะนี้เลย 


ส่วนห้องเพนท์เฮ้าส์ และดูเพล็กซ์เพนท์เฮ้าส์นั้น ขนาดตั้งแต่ 380-710 ตารางเมตร โดยราคาขายเริ่มต้น 5.5 แสนบาทต่อตารางเมตร และในทุกยูนิตสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพะยา และสวนขนาด 4,600 ตารางเมตรของโครงการได้ ปัจจุบันได้มีลูกค้าให้ความสนใจจองแล้วถึง 30 ยู นิต คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาทเลย โดยตั้งเป้าว่าภายใน 3-4 เดือน ข้างหน้าหลังเปิดขาย ก็จะมียอดขายเพิ่ม 20-30% เนื่องจากไม่อยากเร่งรีบในการขายที่จะสามารถขยับ ราคาขายไปได้เรื่อยๆ เช่น ในโครงการแรก แมกโนเลีย วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนซ์ ที่เปิดขาย เริ่มต้น 2.7 แสนบาทต่อตารางเมตรค่ะ 


นอกจากนี้แล้ว บริษัทมีแผนนำโครงการ เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพ ไปทำการโรดโชว์ต่างประเทศ โดยในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค นี้ และมีแผนไปโรดโชว์ยังประเทศฮ่องกง และในปี 2559 นี้ มีแผนจะนำไปโรดโชว์ที่อิตาลีอีกด้วย โดยตั้งเป้ากลุ่มลูกค้ามาจาก ต่างชาติ 50% และคนไทยอีก 50% และในส่วนของโครงการแมกโนเลีย วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนซ์ ก็จะเป็นกลุ่มลูกค้าคน ไทยประมาณ 80% ของทั้งหมด


เราได้ทุ่มงบลงทุนเพิ่มอีก 30% เพื่อที่ให้เป็นโครงการที่พักอาศัยที่ดีที่สุดที่สามารถเทียบเท่าสากลได้ และหวังให้เป็นโครงการแลนด์มาร์ค ของกรุงเทพ เพราะด้วยการออกแบบ และการก่อสร้าง และบริการ รวมถึงการบริหารในการจัดการอาคารโดยแมนดาริน โอเรียลเต็ล นั้นผสมผสานมนต์เสน่ห์ของกลิ่นอาย ในความเป็นไทย ลูกค้ากลุ่มนี้รู้ว่าทรัพย์สินนั้นหายากแบบนี้อยู่เหนือความผันผวนของสภาวะ เศรษฐกิจ และยังมีมูลค่าสูงขึ้นตลอดเวลาอีกด้วย ทำให้ได้รับความสนใจในการจองล่วงหน้าตั้งแต่ยังไม่เคาะราคาขายถึง 30 ยูนิต แน่นอน 


ด้านนายธนวันต์ ชัยวัฒนะ ผู้เป็นกรรมการ ผู้จัดการ ในบริษัท ดิไอคอนสยาม ซูเปอร์ลักซ์ เรสซิเดนซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ก็ได้กล่าวว่า แม้ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ จะยังชะลอตัวอยู่ แต่ความต้องการในที่อยู่อาศัย ก็ยังมีอยู่มาก ทั้งนี้ผู้ประกอบการ คิดว่าควรปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบันมากขึ้น โดยเฉพาะการหาทำเลใหม่ๆ ผลิตสินค้าที่มีความตรงต่อความต้องการของผู้บริโภคให้มากขึ้น 


อย่างไรก็ตาม จากการที่ภาครัฐได้ออกมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ และเชื่อว่าจะมีผลที่ดีต่อตลาดโดยรวมด้วย ซึ่งจะทำให้ ผลของตลาดช่วงปลายปีนี้กลับมาดีขึ้นแน่นอน ขณะที่ตลาดอสังหาฯ ระดับไฮเอนด์นั้น แม้ที่ผ่านมาลูกค้าจะมีการชะลอการในการตัดสินใจซื้อไปตาม ภาวะเศรษฐกิจ แต่ก็ยังมีดีมานด์อยู่มาก หากในโครงการที่พัฒนาออกมาแล้วสามารถตอบสนองถึงความต้องการของลูกค้าได้ก็จะยังขายได้ดีแน่นอน 


จากมาตรการในการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐ ก็มั่นใจว่าจะมีผลดีต่อผู้บริโภคที่สนใจ เป็นอย่างมากโดยเฉพาะตลาดระดับ ราคา ไม่เกิน 3 ล้านบาท และในขณะที่ตลาดระดับบน หรือในระดับลักชัวร์รี่นี้นั้น ก็ยังเชื่อว่าจะไม่ได้รับผลอะไรจากมาตรการดังกล่าว มากนัก แต่ทั้งนี้ก็เชื่อว่าการที่ภาครัฐออกมาตรการ มาจะทำให้เป็นการปลุกกำลังซื้อของผู้บริโภค ขึ้นในช่วงนี้จนถึงต้นปีหน้าได้เป็น อย่างดี นายธนวันต์ ได้กล่าวไว้


นอกจากนี้ นางสาวทิพาภรณ์ ยังกล่าวอีกว่า บริษัทยังได้ร่วมกันกับกลุ่มบริษัท ควีนแลนด์ ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่มากๆของประเทศจีน โดยร่วมกันในนาม แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เพื่อที่จะร่วมพัฒนาโครงการ “มิกซ์ ยูส” ที่บริเวณจอมเทียน แถวพัทยา บนเนื้อที่ 40 ไร่ ภายในโครงการจะประกอบไปด้วย โรงแรม และคอนโดมิเนียม และรวมถึงคอมมูนิตี้มอลล์ ที่มีมูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งในขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการวางคอนเซ็ปต์ต่างๆ โดยคาดว่าจะเปิดโครงการในปีหน้านี้ 


จากข้อมูลทั้งหมดจะเห็นได้ว่า แนวโน้มการลงทุนคอนโดนั้นก็ยังมีทีท่าว่าจะสูงขึ้นได้ในปีข้งหน้า แต่ที่กำลังจะมา ไม่ใช่คอนโดติดรถไฟฟ้า หรือคอนโดราคาถูก แต่กลับเป็นคอนโดสุดหรูหร่า ที่จะเข้ามาเพื่อหากำไร จึงยังมันใจได้ว่าธุรกิจคอนโดมิเดียมในอนาคตจัยังไม่ซบเซ่าแน่นอน แต่อาจมีการเปลี่ยนแผน ในการทางการตลาดโดยจะเล็กันไปที่คอนโดราคาสูงที่มีคุณภาพเพื่อเรียกความสนใจ เพราในปัจจุบันคอนโดติดรถไฟฟ้า หรือคอนโดราคาถูกนั้นมีมากเกินความต้องการ บริษัทส่วนใหญ่จึงเริ่มมองเห็นและเลิกผลิดหันมาทำคอนโดหรู กันแทน ในอนาคตอันใกล้นี้แน่นอน



บล็อกรีวิวคอนโดติดรถไฟฟ้าขอขอบคุณ ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

นักลงทุนควรระวัง คอนโดและบ้านจัดสรร ปีนี้ เปิดตัวโครงการใหม่น้อยลง

นักลงทุนควรระวัง คอนโดติดรถไฟฟ้าราคาถูกและบ้านจัดสรร ปีนี้ เปิดตัวโครงการใหม่น้อยลง

ขอบคุณภาพจาก sanook.com



โดย นายสัมมา คีตสิน เป็นผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ได้เปิดเผยว่า ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2558 พบว่า ได้มีโครงการที่ อยู่อาศัยทำการเปิดขายใหม่ อยู่ประมาณ 92 โครงการเป็นจำนวนกว่า 14,000 ยูนิต ซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันของเมื่อปี 2557 ที่เปิดถึง 23,930 ยูนิต และแบ่งเป็นคอนโดต่างๆ 36 โครงการ จำนวน 6,700 ยูนิต ได้ลดลงจากปี 2557 ที่อยู่ที่ 14,400 ยูนิต และเป็นโครงการบ้านจัดสรรจำนวน 56 โครงการ จำนวนอยู่ที่ 7,400 ยูนิต ก็ลดลงจาก ปีก่อน ที่อยู่ที่ 9,530 ยูนิตค่ะ


และยังได้คาดว่าปีนี้จะมีโครงการที่เป็นที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ 110,000 ยูนิต ซึ่งใกล้เคียงปี 2557 ที่แบ่งเป็น บ้านจัดสรรจำนวน 45,000-47,000 ยูนิต และในขณะที่คอนโด คาดว่าจะเปิดตัวลดลงเหลืออยู่ที่ประมาณ 60,000-65,000 ยูนิต ส่วนหนึ่งนั้นมากจากมีซัพพลายคงค้างในตลาดที่มีจำนวนมาก


ราคาพืชผลทางการเกษตร ก็มีผลต่อบางจังหวัดที่พึ่งพิงในภาคการเกษตร ซึ่งทำให้ อสังหาฯ ในจังหวัดนั้นๆ ก็ชะลอตัวลง ส่วนบาง ในพื้นที่ที่มีปัญหาด้านซัพพลายส่วนเกินมาก อาทิเช่น พัทยา จอมเทียน และรวมถึงหัวเมืองหลักต่างๆ ด้วย ที่ได้มีการเปิดตัวคอนโดไปจำนวนมากเลยทีเดียว ช่วงปีที่ ผ่านๆมา ในขณะที่ความต้องการของคนในพื้นที่นั้นยังมีไม่มากเท่าไหร่นักก ต่างจากบ้านในแนวราบ ดังนั้น คงต้องอาศัยระยะเวลาในการดูดซับมาก ซึ่งนักลงทุนก็ควรมีความระมัดระวังในการที่จะลงทุนในทำเลเหล่านี้ด้วย


อย่างไรก็ดีแล้ว ตลาดคอนโด ปี 2558 นั้น คาดว่า ตลาดระดับหรูจะมีมากขึ้นบริเวณที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งในบริเวณสองฝั่ง โดยเฉพาะบริเวณฝั่งธนบุรี ซึ่งเกิดจะขึ้นพร้อมโครงการมิกซ์-ยูส ที่ความต้องการ พื้นที่อาคารและสำนักงานจะมีมากขึ้นจาก การธุรกรรมที่เพิ่มขึ้น ในพื้นที่บริเวณ สถานีรถไฟฟ้า และบริเวณจุดตัด และจะเกิดใหม่จำนวนมากจะเป็น แหล่งที่รองรับโครงการคอนโดและรวมถึงอสังหาฯ เชิงพาณิชย์ จำพวก เช่น อาคาร สำนักงานต่างๆ ศูนย์การค้า และแหล่งบันเทิง ทำจะให้เกิดย่านการค้า ใหม่ๆขึ้นค่ะ


แต่ในสำหรับในต่างจังหวัด ก็จะมีการพัฒนาโครงการและจะเกิดบริเวณถนนวงแหวนรอบนอกได้ ถนนเชื่อมระหว่างจังหวัดหรือบายพาสต่างๆ


ทั้งนี้ ในกการลงทุนในโครงการสาธารณูปโดยโภคภาครัฐ โครงข่ายคมนาคม และรวมถึงการ พัฒนาสนามบินต่างๆ การเติบโตของในภาค การท่องเที่ยว ก็จะทำให้ตลาดอสังหาฯ ในเขตภูมิภาคนั้นกลับมาเติบโตได้ในปี 2559-2560 ด้วยค่ะ


สำหรับทใครที่กำลังคิดจะลงทุนในเรื่อง อสังหาฯ จำพวกคอนโดก็ควรระวังให้ดี ไม่ว่าจะเป็นคอนโดติดรถไฟฟ้า ในการปล่อยเช่าคอนโดมือสอง ก็จะเห็นได้จากตัวเลขว่าโครงการต่างๆ ของคอนโดต่างๆ ได้มืตัวเลขที่ลดลงเพราะบริษัทส่วนใหญ่ก็เริ่มเร่งเห็นกันแล้วว่า ในปัจจุบันนั้นมีจำรวนโครงการมากกว่าจำนวนผู้ต้องการใช้งาน จึงทำให้เหลือโครงการจำนวนมากที่ไม่มีคนอยู่อาศัยและทำให้ในหลายๆ โครงกาารได้รับผลที่ขาดทุน คนที่จะลงทุนในช่วนี้ก็ควนคิให้ดีก่อนลงทุน เพราะธุรกิจด้วนคอนโดชวงนี้ถือได้ว่าเป็นช่างที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ หลายปีนี้มาเลยก็ว่าได้


บล็อก รีวิวคอนโดติดรถไฟฟ้า ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก ประชาชาติธุรกิจ

รีวิวคอนโดใหม่ สุดแนว จาก ออสเตรเลีย

รีวิวคอนโดใหม่ สุดแนว จาก ออสเตรเลีย


สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนนะคะ วันนี้บล็อก รีวิวคอนโด คอนโดราคาถูกใกล้รถไฟฟ้า บ้านทาวน์เฮ้าส์ของเรา ก็ทำการ รีวิวคอนโด ที่แปลกมาๆ โดยเราจะพาทุกท่านพาไปที่ออสเตรเลีย เพื่อดูคอนโดที่ไม่ว่าเราจะมองมุมไหนก็จะเห็นภาพต่างกันไปเรื่อยๆ ค่ะ น่าสนใจใช่มั้ยละคะ ที่เกิดขึ้นได้ก็คือ ด้วย effect จากแผงบังแดดค่ะ  จะเป็นยังไงลองมาดูกันเลยดีกว่าคะ



คอนโดที่ว่านี้นั้น ตั้งอยู่ที่เมลเบิร์น ออสเตรเลียค่ะ โดยมีชื่อว่า a’Beckett Tower และจุดเด่นที่สุดของคอนโดนี้ก็คงจะหนีไม่ได้ก็คือจะอยู่ที่แผงบังแดดด้านนอกทั้ง 347 อันนั้น ที่ได้ถูกละเลงสี(ทั้งหมดทำจากด้วยอลูมิเนียมค่ะ)ลงไปถึง 16  สีกันเลยทีเดียวค่ะ



ซึ่งไอ้เจ้าแผงบังแดดเนี๊ยนะ เวลาเรามองจากมุมต่างๆ ในแต่ละตำแหน่งที่เรายืนนั้น เราจะเห็น effect จากรูปร่างต่างๆ และสีของมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ค่ะ แล้วพอเวลามุมของแสงแดดเปลี่ยนแล้ว เราก็จะเห็นภาพเปลี่ยนไปด้วยเหมือนกันเจ่งใช่มั้ยค่ะ โดยสถาปนิกเขาได้บอกว่าเวลาเรามองดูอาคารก็อุปมาเหมือนกับกำลังดูหนังอยู่ได้เลยนั่นเองค่ะ เพราะมุมของภาพกับแสงสีที่เห็นนั้นก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เลยค่ะ ช่างเป็นไอเดียที่แปลกจริงๆ



นอกจาก effect สวยๆที่ได้เกิดขึ้นกับตัวคอนโดแล้วนั้น ประโยชน์ของมันก็ยังเอาไว้บังแดดที่เข้าสู่อาคารได้ด้วย โดยเอามาปรับใช้กับบ้านเราก็น่าจะไม่เลวทีเดียวเลยนะค่ะว่ามั้ย


จากรูปด้านบนทั้งหมดนี้  เราจะเห็นได้ว่าพอเปลี่ยนตำแหน่งการมองแล้ว  มุมก็เปลี่ยนไปเลยนะคะ  แต่เจ้าแผงบังแดดนี้นั้นมีเฉพาะด้านหน้าอาคารนะค่ะ  เห็นด้านหน้าเปรี้ยวจี๊ดขนาดนี้แล้ว  พอกลับไปดูด้านหลังของคอนโดนี้ เรากลับเจอชายหนุ่มที่ดูสุขุมลุ่มลึกยืนอยู่ซะงั้น 555  นั้นก็คือกลายเป็นตึกกระจกเรียบๆครับ  contrast มากๆ เลยว่ามั้ยค่ะ



ถ้ามองดูผ่านๆ อาจจะนึกว่านี่เป็นการประหยัดงบก่อสร้างค่ะ  แต่ความเป็นจริงแล้วนั้นได้เป็นความตั้งใจของสถาปนิกเองที่ได้ต้องการให้เกิดความขัดแย้งกันเองค่ะ  เวลาเราเข้าไปในอาคารแล้ว ลองสังเกตได้จากจากสีสันฉูดฉาดด้านนอกพอเข้ามาถึงบริเวณล็อบบี้กลับตกแต่งตัวโทนสีขาว-ดำทั้งหมด ซึ่งก็เป็นไอเดียที่แปลกมากๆ 


หลังจากเราได้ดูรูปร่างหน้าตาอาคารกับสเปซกันไปแล้ว ทีนี้เราก็ลองมาดูแปลนห้องกันมั่งค่ะ (ถ้าจะดูผ่านๆได้ค่ะ  ในเชิงการวางผังนั้นเราไม่ค่อยมีประเด็นอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ค่ะ)



ด้วยความที่ที่ดินนี้เล็กมาก เวลาเอารถขึ้นไปจอดที่บนอาคารจึงต้องมรีการใช้ลิฟต์สำหรับรถยนต์ด้วยค่ะ  แต่พอชั้นบนๆที่ไม่มีที่จอดรถแล้ว ก็จะมีห้องทั้ง 2 ด้านด้วย  ผนังที่กั้นห้อง living room กับ bedroom นั้นก็เป็นแบบเลื่อนเก็บได้ค่ะ เผื่อไว้สำหรับขยายห้อง living กรณีเพื่อนๆ เรามาปาร์ตี้ที่บ้านนั่นเองค่ะ



ส่งท้ายกันด้วยรูปนี้เลยค่ะ… 

เป็นยังไงกันบ้างค่ะกับคอนโดสุดแนว ที่ไม่เคยเห็นที่ไหนกันมาก่อนแน่ๆ ใครสนใจอะไรเพิ่มเติมก็สามารถมาติดตามกันได้เรื่อยๆ เลยนะค่ะ เราจะมีเรื่องดีๆ เกี่ยวกับ การ รีวิวคอนโด คอนโดติดรถไฟฟ้า บ้านทาวน์เฮ้าส์มาให้ได้อ่านกันคะ วันนี้ก็ขอบคุณคะ ที่มารับชม 



บล็อก รีวิวคอนโด คอนโดติดรถไฟฟ้า ขอขอบคุณ


ที่มาของข้อมูล  archdaily.com


ที่มาของภาพ  :archdaily.com iconco.com.au alpolic-usa.com

รีวิวคอนโดสุดแนว จาก ออสเตรเลีย

รีวิวคอนโด สุดแนว จาก ออสเตรเลีย


สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนนะคะ วันนี้บล็อก รีวิวคอนโด คอนโดติดรถไฟฟ้า บ้านทาวน์เฮ้าสน์ของเรา ก็ทำการ รีวิวคอนโด ที่แปลกมาๆ โดยเราจะพาทุกท่านพาไปที่ออสเตรเลีย เพื่อดูคอนโดที่ไม่ว่าเราจะมองมุมไหนก็จะเห็นภาพต่างกันไปเรื่อยๆ ค่ะ น่าสนใจใช่มั้ยละคะ ที่เกิดขึ้นได้ก็คือ ด้วย effect จากแผงบังแดดค่ะ  จะเป็นยังไงลองมาดูกันเลยดีกว่าคะ



คอนโดที่ว่านี้นั้น ตั้งอยู่ที่เมลเบิร์น ออสเตรเลียค่ะ โดยมีชื่อว่า a’Beckett Tower และจุดเด่นที่สุดของคอนโดนี้ก็คงจะหนีไม่ได้ก็คือจะอยู่ที่แผงบังแดดด้านนอกทั้ง 347 อันนั้น ที่ได้ถูกละเลงสี(ทั้งหมดทำจากด้วยอลูมิเนียมค่ะ)ลงไปถึง 16  สีกันเลยทีเดียวค่ะ



ซึ่งไอ้เจ้าแผงบังแดดเนี๊ยนะ เวลาเรามองจากมุมต่างๆ ในแต่ละตำแหน่งที่เรายืนนั้น เราจะเห็น effect จากรูปร่างต่างๆ และสีของมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ค่ะ แล้วพอเวลามุมของแสงแดดเปลี่ยนแล้ว เราก็จะเห็นภาพเปลี่ยนไปด้วยเหมือนกันเจ่งใช่มั้ยค่ะ โดยสถาปนิกเขาได้บอกว่าเวลาเรามองดูอาคารก็อุปมาเหมือนกับกำลังดูหนังอยู่ได้เลยนั่นเองค่ะ เพราะมุมของภาพกับแสงสีที่เห็นนั้นก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เลยค่ะ ช่างเป็นไอเดียที่แปลกจริงๆ



นอกจาก effect สวยๆที่ได้เกิดขึ้นกับตัวคอนโดแล้วนั้น ประโยชน์ของมันก็ยังเอาไว้บังแดดที่เข้าสู่อาคารได้ด้วย โดยเอามาปรับใช้กับบ้านเราก็น่าจะไม่เลวทีเดียวเลยนะค่ะว่ามั้ย


จากรูปด้านบนทั้งหมดนี้  เราจะเห็นได้ว่าพอเปลี่ยนตำแหน่งการมองแล้ว  มุมก็เปลี่ยนไปเลยนะคะ  แต่เจ้าแผงบังแดดนี้นั้นมีเฉพาะด้านหน้าอาคารนะค่ะ  เห็นด้านหน้าเปรี้ยวจี๊ดขนาดนี้แล้ว  พอกลับไปดูด้านหลังของคอนโดนี้ เรากลับเจอชายหนุ่มที่ดูสุขุมลุ่มลึกยืนอยู่ซะงั้น 555  นั้นก็คือกลายเป็นตึกกระจกเรียบๆครับ  contrast มากๆ เลยว่ามั้ยค่ะ



ถ้ามองดูผ่านๆ อาจจะนึกว่านี่เป็นการประหยัดงบก่อสร้างค่ะ  แต่ความเป็นจริงแล้วนั้นได้เป็นความตั้งใจของสถาปนิกเองที่ได้ต้องการให้เกิดความขัดแย้งกันเองค่ะ  เวลาเราเข้าไปในอาคารแล้ว ลองสังเกตได้จากจากสีสันฉูดฉาดด้านนอกพอเข้ามาถึงบริเวณล็อบบี้กลับตกแต่งตัวโทนสีขาว-ดำทั้งหมด ซึ่งก็เป็นไอเดียที่แปลกมากๆ 


หลังจากเราได้ดูรูปร่างหน้าตาอาคารกับสเปซกันไปแล้ว ทีนี้เราก็ลองมาดูแปลนห้องกันมั่งค่ะ (ถ้าจะดูผ่านๆได้ค่ะ  ในเชิงการวางผังนั้นเราไม่ค่อยมีประเด็นอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ค่ะ)



ด้วยความที่ที่ดินนี้เล็กมาก เวลาเอารถขึ้นไปจอดที่บนอาคารจึงต้องมรีการใช้ลิฟต์สำหรับรถยนต์ด้วยค่ะ  แต่พอชั้นบนๆที่ไม่มีที่จอดรถแล้ว ก็จะมีห้องทั้ง 2 ด้านด้วย  ผนังที่กั้นห้อง living room กับ bedroom นั้นก็เป็นแบบเลื่อนเก็บได้ค่ะ เผื่อไว้สำหรับขยายห้อง living กรณีเพื่อนๆ เรามาปาร์ตี้ที่บ้านนั่นเองค่ะ



ส่งท้ายกันด้วยรูปนี้เลยค่ะ… 

เป็นยังไงกันบ้างค่ะกับคอนโดสุดแนว ที่ไม่เคยเห็นที่ไหนกันมาก่อนแน่ๆ ใครสนใจอะไรเพิ่มเติมก็สามารถมาติดตามกันได้เรื่อยๆ เลยนะค่ะ เราจะมีเรื่องดีๆ เกี่ยวกับ การ รีวิวคอนโด คอนโดติดรถไฟฟ้า บ้านทาวน์เฮ้าส์มาให้ได้อ่านกันคะ วันนี้ก็ขอบคุณคะ ที่มารับชม 



บล็อก รีวิวคอนโด คอนโดติดรถไฟฟ้า ขอขอบคุณ


ที่มาของข้อมูล  archdaily.com


ที่มาของภาพ  :archdaily.com iconco.com.au alpolic-usa.com

ชีวิตดี๊ดี กับคอนโดติดรถไฟฟ้า

ชีวิตดี๊ดี กับคอนโดติดรถไฟฟ้า

ส่วนหนึ่งของภาพจาก aommoney.com



การที่เราจะเป็นเจ้าของคอนโดหรูๆ สักแห่งนั้น แาจฟังดูเป็นเรื่องใหญ่ และยุ่งยาก เพราะการไม่กล้าตัดสินใจ ที่เราได้ภาระเป็นหนี้ก้อนโต แต่ว่าด้วยวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปของคนไทยนั้น ที่มักต้องการในความก้าวหน้าในการทำงาน และยังรักความอิสระ ยังชอบการท่องเที่ยว และก็ยังต้องการความเป็นส่วนตัวสูงสุดอีกด้วย การที่เราจะอยู่อาศัยใน“คอนโด”จึงจะเป็นทางออกและทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วในขณะนี้ แต่เมื่อเราตัดสินใจแล้วว่าเราจะซื้อคอนโดก็ยังไม่แน่ใจว่าเราเองต้องการ “คอนโดติดรถไฟฟ้า” หรือว่า “จะเป็นคอนโดใกล้บ้าน แต่ไกลเมืองถึงจะดี” เราจึงมีข้อแนะนำ 8 เหตุผลดี๊ดีของการมีชีวิตในคอนโดติดรถไฟฟ้ามาฝากกันค่ะ


ข้อ 1.เดินทางได้สะด๊วกสะดวก สบ๊ายสบาย ในการกำหนดค่าใช้จ่ายนั้นสามารถกำหนดได้ทุกจุดหมายปลายทางเลยค่ะ ไม่ว่าคุณจะเดินทางไปไหนมาไหนก็แสนง่ายๆ แค่คุณเดินออกจากคอนโดและก็ขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อจะไปตามจุดหมายที่ได้คิดไว้ได้เลยค่ะ ด้วยที่ทุกวันนี้ค่าครองชีพนั้นก็พุ่งสูงขึ้นเป็นเท่าทวีคูณเลย แต่คุณก็ยังสามารถควบคุมรายจ่ายได้โดยไม่ห้ไม่ให้บานปลายค่ะ เพราะรถไฟฟ้านั้นมีบัตรรายเดือนที่จะช่วยให้ควบคุมค่าเดินทางในแต่ละวันได้ดีอีกด้วยค่ะ


ข้อ 2.ยิ้มง่ายขึ้นค่ะ บอกได้เลยว่าในทางสุขภาพจิตนั้นจะดีขึ้นแน่นอนค่ะ ทั้งคุณไม่ต้องทนหงุดหงิดกับเหล่าสภาพอากาศที่ร้อนหรือในวันที่ฝนตก และหรือแม้แต่การแออัดจากการจราจรที่แสนติดขัดด้วยและยังช่วยคุณย่นระยะเวลาในการเดินทางได้ดี โดยให้ถึงที่หมายได้เร็วขึ้นมากค่ะ มีเวลาพักผ่อนได้มากขึ้นอีกด้วย เมื่อมีเวลามากขึ้นแล้ว ความสุขย่อมเพิ่มขึ้นเองอัตโนมัติทันทีแน่นอนที่สุดค่ะ


ข้อ 3.มีปลอดภัยจากการจราจรบนถนนที่แสนจะอันตราย และไม่ต้องตบตีกับแท็กซี่จะปฏิเสธคุณ และไม่ต้องมาหงุดหงิดจากความร้อนในจุดที่รอแท็กซี่ โดยเรื่องทั้งหมดนี่จะหมดไป เพราะรถไฟฟ้านั้นไม่มีวันบอกปฏิเสธและอีกทั้งยังทำให้มั่นใจกับทุกการเดินทางของคุณว่าจะไม่ต้องเสี่ยงชีวิตกับการเดินทางด้วยยานพาหนะบนท้องถนนที่อาจอุบัติเหตุได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ยังสามารถคำนวณเวลาในการเดินทางได้อีกด้วยค่ะ


ข้อ 4.จะเป็นการลงทุนระยะยาวที่จะมีผลดีกับคุณแน่นอนเพราะราคาของคอนโดติดรถไฟฟ้านั้นย่อมจะมีราคาสูงหรือแพงกว่าคอนโดที่อยู่ห่างจากรถไฟฟ้าแน่นอนอยู่แล้วค่ะนอกจากนี้หลังจากซื้อมาอาจมีการปรับตัวขึ้นด้วยซึ่งเมื่อเราเบื่อหรืออยากย้าก็สามารถปล่อยขายหรือปล่อยเช่าได้อีก เพราะโดยทั่วไปคอนโดมิเนียมในทำเลดีๆ สภาพอาคารดีๆ จะมีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มเฉลี่ยได้ปีละ 5-10% สูงกว่าทำเลที่ตั้งอื่นๆ มากเลยค่ะ


ข้อ 5.ไม่ต้องเป็นหนี้รถยนต์อีกด้วย เพราะหนี้รถยนต์นั้นคือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ใดเลย หรือที่เรียกกันว่าหนี้สูญค่ะ แต่การซื้อคอนโดนั้น ถูกจัดว่าเป็นการก่อหนี้ที่ดีเพราะเป็นแบบก่อให้เกิดรายได้ค่ะ คือคุณนั้นสามารถปล่อยให้เช่า หรือหากวางแผนดีๆ ละก็ เงินค่าเช่าที่เก็บได้ในแต่ละเดือนนั้นจะนำส่งธนาคารแบบไม่ต้องเข้าเนื้อตัวเองเลยด้วยซ้ำ หรือ หากคุณมีจังหวะขายต่อก็ได้กำไรก้อนโตเลยที่เดียว


ข้อ 6.ล็อบบี้ที่หรูก็คือ home office ส่วนตัวค่ะ สามารถนัดหมายลูกค้ามาประกอบธุรกิจส่วนตัวได้ทุกเวลาหมดปัญหาในเรื่องสถานที่นัดหมาย เพราะคุณสามารถใช้ล็อบบี้สุดหรูที่คอนโดคุณเป็นสถานที่พบปะเพื่อนหรือลูกค้าก็ได้ เพื่อมาคุยธุระหรือคุยงานกันได้อย่างสะดวกแน่นอนค่ะ


ข้อ 7.สระว่ายน้ำลอยฟ้า ก็ถือเป็นอีกหนึ่งความฝันของใครหลายๆ คนเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะใช่ว่าทุกคอนโดนั้นจะมี แต่หากเป็นคอนโดติดรถไฟฟ้าราคาสูงละก็ ก็มักจะมาพร้อมสระว่ายน้ำลอยฟ้าด้วย ดังนั้นนอกจากจะใช้เป็นที่ออกกำลังกายที่ดีได้แล้ว ก็ยังสามารถมานั่งเพื่อผ่อนคลายอิริยาบทเพื่อเติมพลังใจพลังกายเพลิดเพลินกับการชมวิวทิวทัศน์เมือง หรืออาจจะใช้เป็นสถานที่ใช้ในการจัดกิจกรรมในกลุ่มเพื่อนหรืออาจจะใช้ต้อนรับแขกก็ไม่น้อยหน้าใครแน่นอนคะ


ข้อ 8.เป็นความปลอดภัยสำหรับชีวิตคนโสดแน่นอนค่ะ ก็จะลดความเสี่ยงเรื่องอันตรายจากการเดินทางได้ดี ในวันที่คุณนั้นต้องเลิกงานดึก หรืออาจเดินทางกลับบ้านในยามค่ำคืนนั้น การเดินทางโดยรถไฟฟ้านั้นจะช่วยย่นระยะเวลาให้เร็วขึ้นอีก และจากทำเลที่ตั้งของคอนโด กับรถไฟฟ้าที่อยู่ใกล้เคียงกัน จึงทำให้เรามั่นใจได้ว่าการเดินทางครั้งนี้ปลอดภัยอย่างแน่นอนค่ะ


สนใจ เช่าคอนโด

สร้างเว็บไซต์หรือบล็อกฟรีที่ WordPress.com.

Up ↑